(English here)
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก รายงานสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดระบุว่า มีประชากร 12 ล้านคนทอยู่ในวัยผู้สูงอายุ จากประชากรทั้งหมดราว 67%
ในความเป็นจริง ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะ 'สังคมสูงวัย' ตั้งแต่ปีพ.ศ.2548 เพราะมีประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็น 10% ของประชากรทั้งหมด คาดว่าประชากรสูงอายุของประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% และเข้าสู่ 'สังคมผู้สูงอายุขั้นสูง' ภายในทศวรรษหน้า
การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของระบบการรักษาพยาบาล ทำให้จำนวนและสัดส่วนของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มสูงขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ในปีพ.ศ.2562 ประชากรโลกมากกว่าหนึ่งพันล้านคนมีอายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านคนภายในปีพ.ศ. 2573 และ 2.1 พันล้านคนในปีพ.ศ. 2593
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนับเป็นความท้าทาย ด้านสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้กำหนดนโยบายและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำงานร่วมกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อปฏิรูปนโยบาย และแนวคิดเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ต้องเผชิญ พร้อมกับพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุ
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) นำโดยประเทศไทยจึงได้จัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อการสูงวัยและนวัตกรรมเชิงรุก (ASEAN Centre for Active Ageing and Innovation: ACAI) ในปี พ.ศ. 2561 และมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเวทีการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ในปีต่อมา
การจัดตั้ง ACAI ถือเป็นความสำเร็จหลักที่สอดคล้องกับหัวข้อ “การต่อยอดความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน” (Advancing Partnership for Sustainability) ในช่วงที่ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีพ.ศ. 2561
ผู้เข้าร่วมการประชุมที่ปรึกษาการจัดตั้งข้อตกลง ACAI ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย (18-19 ตุลาคม 2561) (เครดิตรูปภาพ: ACAI)
บทบาทของ ACAI ในการส่งเสริมสังคมสูงวัยอย่างมีสุขภาพดี
ACAI มีเป้าหมายที่จะผลักดันการส่งเสริมการสูงวัยอย่างมีสุขภาพดีในภูมิภาคโดยใช้แนวทางที่ครอบคลุมและความร่วมมือระดับภูมิภาค จุดมุ่งหมายคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรสูงอายุและปูทางให้ประเทศไทยและอาเซียนเข้าสู่สังคมสูงวัย
วัตถุประสงค์หลักประการหนึ่งของ ACAI คือการทำหน้าที่เป็นศูนย์ทรัพยากรที่ดำเนินการวิจัยและการศึกษาเกี่ยวกับการผลักดันกลยุทธ์ นโยบาย และนวัตกรรมเพื่อการสูงวัยแบบแอคทีฟตามหลักฐาน ACAI ยังอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนผ่านโครงการพัฒนาขีดความสามารถและติดตามความคืบหน้าของการสูงวัยเชิงรุกตามแถลงการณ์อาเซียน +3 ว่าด้วยวัยสูงวัยเชิงรุก ทศวรรษแห่งผู้สูงอายุอย่างมีสุขภาพดีของสหประชาชาติ พ.ศ. 2564-2573 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
นับตั้งแต่การเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 ACAI ได้จัดประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลและการประชุมที่ปรึกษาหลายชุดเพื่อทบทวนนโยบายระดับชาติของอาเซียนเกี่ยวกับผู้สูงอายุและความพร้อมของโครงการภายหลังสถานการณ์ โควิด-19 และความคิดริเริ่มสำหรับผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับนานาชาติเพื่อกระตุ้นให้แต่ละประเทศสมาชิกดำเนินงานเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมการจัดการเพื่อประชากรผู้สูงวัยในปีพ.ศ. 2564 พร้อมจัดลำดับความสำคัญใน งานที่ ACAI ต้องรับผิดชอบ นำมาสู่ความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อการจัดการนวัตกรรมสำหรับประชากรผู้สูงวัย
นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพ พร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ผ่านกรณีศึกษา สำหรับผู้ประสานงานของประเทศปัจจุบัน เพื่อสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการสูงวัยอย่างมีสุขภาพดีในทุกด้าน
เดินหน้าความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อสังคมสูงวัย
“เราต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มีประชาการผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น และแต่ละคนมีความต้องการแตกต่างกัน ความเป็นผู้นำ หุ้นส่วน นวัตกรรมในกลุ่มประเทศอาเซียน และการสนับสนุนจาก ACAI จะช่วยให้เกิดประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” นายแพทย์ จอส แวนเดแลร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยกล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญในการจัดตั้ง ACAI
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) แนะนำให้ประเทศสมาชิกลงทุนการจัดการข้อมูลเพื่อติดตาม ภาวะสุขภาพ ตลอดช่วงชีวิต ,มีการพัฒนาเครื่องมือและคู่มือที่เกี่ยวกับการจัดการเพื่อสุขภาพประชากรสูงวัยเพื่อให้ประเทศสามารถนำมาใช้เป็นหลักการในการทำงานและ การดูแลแบบบูรณาการสำหรับผู้สูงอายุ (Integrated Care for Older People)
“องค์การอนามัยโลกพร้อมสนับสนุนประเทศสมาชิกเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 'การสูงวัยอย่างมีสุขภาพดี' และสนับสนุนประเทศไทยกับบทบาททสำคัญในฐานะศูนย์กลางความรู้เกี่ยวกับการสูงวัยและนวัตกรรมเชิงรุก” นพ.แวนเดแลร์กล่าว
ความท้าทายและหนทางข้างหน้า
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุ ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสถานะทางสังคม นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ในฐานะรักษาการกรรมการบริหารศูนย์อาเซียนเพื่อการสูงวัยและนวัตกรรมเชิงรุก หรือ ACAI กล่าวว่า ในฐานะองค์กรระหว่างรัฐบาลมุ่งเน้นการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในระยะพักฟื้นจากโควิด-19 นับเป็นงานสำคัญไม่เพียงเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนแต่รวมถึงทั่วโลกด้วย
“ทุกคนได้รับผลกระทบจากโรคระบาดนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราพัฒนากลไกการให้บริการใหม่ๆ เช่น การแพทย์ทางไกลเพื่อให้บริการทุกคนได้ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการชะลอวัยได้เช่นกัน” นพ. สกานต์กล่าว
สำนักงานชั่วคราวของ ACAI ตั้งอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย (เครดิตรูปภาพ: ACAI)
รัฐบาลไทยจะให้เงินทุนสนับสนุนงานและกิจกรรมของ ACAI ในช่วงห้าปีแรก จากนั้นหน่วยงานจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินโดยสมัครใจจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนในภายหลัง ตามแผนยุทธศาสตร์ห้า ปีของหน่วยงาน มีการจัดประชุมที่ปรึกษาเพื่อจัดลำดับความสำคัญของการ ดำเนินงาน เพื่อ การพัฒนาสังคมสูงวัยของอาเซียน
“แม้ว่าช่วงหลังโควิด-19 จะทำให้เกิดช่องว่างในนโยบาย ระบบ และบริการสำหรับผู้สูงวัย แต่เรายังมีโอกาสในพัฒนาระบบการทำงานให้ดีขึ้นได้ ความมุ่งมั่นและประสบการณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศสามารถสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อผู้สูงวัยอย่างยั่งยืนและไม่ทิ้งผู้สูงอายุไว้ข้างหลัง” นพ.สกานต์กล่าว