“สุขภาพของเรา สิทธิของเรา อนาคตดิจิทัลของเรา” – หนทางสู่ความเท่าเทียมด้านสุขภาพในประเทศไทย

25 April 2024
Highlights

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ของไทยได้ร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดงานวันอนามัยโลกในปีนี้ขึ้น เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2567 ที่กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด “สุขภาพของเรา สิทธิของเรา อนาคตดิจิทัลของเรา” งานนี้ได้ให้ความสำคัญต่อสุขภาพที่ไม่ใช่แค่ “ความเป็นอยู่ที่ดีทางร่างกาย จิตใจ และสังคม” เท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

นายแพทย์จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ได้เน้นย้ำว่า “สุขภาพของเราเป็นสิทธิของเรา” และกล่าวย้ำกับผู้เข้าร่วมงานว่าทุกคนควรจะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดี มีคุณภาพและราคาไม่แพง ความก้าวหน้าในระบบสุขภาพดิจิทัลจะสามารถช่วยให้เกิดการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดกับผู้คนทั่วไปได้มากยิ่งขึ้น

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย กล่าวถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญครั้งนี้ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่ยกระดับนโยบายการรักษาพยาบาลแห่งชาติเป็น “30 บาท รักษาโรคได้ทุกที่ด้วยบัตรประจำตัวประชาชนใบเดียว” โดยนโยบายนี้เป็นก้าวสำคัญสู่หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งออกแบบมาเพื่อขยายการเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลทั่วประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับความต้องการของกลุ่มเปราะบางและชนกลุ่มน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำถึงความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างประเทศไทยและองค์การอนามัยโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2494 ซึ่งความร่วมมือกันนี้เป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายสำคัญด้านสุขภาพ อาทิ การจัดตั้งระบบการดูแลสาธารณสุขพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการจัดการกับโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยความสำเร็จเหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของประเทศไทยในการยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพ ไม่เพียงแค่ในระดับประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในระดับสากลด้วย

แม้ว่าประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในด้านสาธารณสุข แต่ความท้าทายก็ยังคงมีอยู่ ในการรับประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันของทุกภาคส่วนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนกลุ่มน้อยและแรงงานข้ามชาติที่ต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางด้านสุขภาพที่มีลักษณะเฉพาะตัวซึ่งมักไม่ได้รับการแก้ไข ความเหลื่อมล้ำนี้ยังเน้นย้ำถึงช่องว่างสำคัญในการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ กระตุ้นให้เกิดการอภิปรายที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับวิธีการลดความเหลื่อมล้ำนี้อย่างมีประสิทธิภาพ และขยายบริการด้านสุขภาพเพื่อครอบคลุมไปยังผู้คนทุกๆ กลุ่ม


การอภิปรายแบบเสวนาบนพื้นฐานหัวข้อ “การตระหนักถึงสิทธิด้านสุขภาพ: การตระหนักถึงสิทธิด้านสุขภาพ : จากระดับโลกสู่ระดับชุมชน” ได้มีการอภิปรายโดยผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ นายแพทย์ดิเรก สุดแดน ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ นายแพทย์จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นายแพทย์พิสิทธิ์ ศรีประเสริฐ ประธานศูนย์เรียนรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุขชายแดน และนายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ตลอดจนตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ได้แก่ นางสาวอูน อาย และ นางสาวมะลิวัลย์ สาคอ ทั้งหมดได้ร่วมกันพินิจพิเคราะห์สิทธิด้านสุขภาพในระดับต่างๆ โดยเน้นไปที่แผนปฏิบัติการสาธารณสุขชายแดน และหารือเกี่ยวกับการพัฒนาด้านสาธารณสุขสําหรับแรงงานต่างด้าวและประชากรกลุ่มเปราะบางใน 31 จังหวัดชายแดน ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่การแก้ไขความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในจังหวัดชายแดนผ่านคลินิกเคลื่อนที่ ผ่านการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุมชน และการรณรงค์ให้ความรู้ด้านสุขภาพที่มีความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม

การเสวนาครั้งนี้ทําให้เห็นถึงผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริงของนโยบายด้านสุขภาพ และการนําระบบประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิและบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย (Health Insurance for Non-Thai People System : HINT) มาใช้ ซึ่งโครงการริเริ่มที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขไทยและองค์การอนามัยโลกนี้กําลังเปลี่ยนแปลงการเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยระบบประกันสุขภาพ HINT ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้แน่ใจว่าการลงทะเบียนเป็นไปตามเวลาจริงและการส่งมอบบริการที่รวดเร็วขึ้นช่วยเพิ่มการเข้าถึงของบุคคลไร้สัญชาติและชาวต่างชาติอย่างมีนัยสําคัญ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสุขภาพของประเทศไทยที่ขยายขอบเขตให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น


นางอ่อน อ้ายยี่ และนางสาวมะลิวัลย์ สะกอ ตัวแทนชุมชนได้แบ่งปันประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงในการบริการด้านสุขภาพที่เข้าถึงได้ผ่านระบบประกันสุขภาพ HINT โดยคุณอ่อนได้เล่าถึงเส้นทางที่ตนเองเผชิญมา เริ่มตั้งแต่การใช้ยารักษาด้วยตนเองจนมาถึงการเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชนว่า "ก่อนที่จะมีระบบประกันสุขภาพ HINT ฉันไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่เหมาะสมและราคาไม่แพง สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้นคือการพึ่งพาการใช้ยาด้วยตนเองซึ่งมักจะทําให้สิ่งต่างๆ แย่ลง แต่ตอนนี้ฉันไม่เพียงแต่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่ยังช่วยให้คนอื่นๆ ในชุมชนของฉันเข้าใจถึงสิทธิด้านสุขภาพของพวกเขา และเข้าถึงบริการที่พวกเขาสมควรได้รับ"  เรื่องราวของคุณอ่อน อ้ายยี่ แสดงให้เห็นถึงผลกระทบทางสังคมเชิงลึกในการเข้าถึงระบบบริการด้านสุขภาพอย่างเท่าเทียมกัน ในทํานองเดียวกัน คุณมะลิวัลย์ได้แบ่งปันเรื่องราวของตนเองในการต่อสู้ดิ้นรนและการมีชีวิตที่ดีขึ้นตามมาว่า "การเข้าถึงการรักษาพยาบาลเปลี่ยนชีวิตของฉันและครอบครัว ไม่ใช่แค่การรักษาเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวกับศักดิ์ศรีและความปลอดภัยที่มาพร้อมกับการรับรู้ว่าคุณและคนที่คุณรักได้รับการคุ้มครอง"  เรื่องราวเหล่านี้เน้นให้เห็นถึงบทบาทสําคัญของนโยบายด้านสุขภาพที่ครอบคลุมในการเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและส่งเสริมการรวมกลุ่มทางสังคม

เรื่องราวเหล่านี้ไม่เพียงแต่เน้นถึงประโยชน์โดยตรงของระบบประกันสุขภาพ HINT แต่ยังรวมถึงบทบาทในการเสริมสร้างพลังและการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอีกด้วย การเสวนาในวันนี้เปิดโอกาสให้เราได้เห็นถึงความก้าวหน้าร่วมกันไปสู่อนาคตที่เราทั้งหลายสามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและได้รับการยอมรับว่าเป็นสิทธิที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ และปิดท้ายด้วยการเรียกร้องให้มีการดําเนินการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อร่วมกันทําให้การเข้าถึงระบบบริการด้านสุขภาพมีความเท่าเทียมกันในระดับสากล แสดงให้เห็นว่าสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงจุดมุ่งหมายส่วนบุคคล แต่เป็นช่องทางสําหรับการช่วยเหลือสังคม ตอกย้ำให้เห็นถึงการอุทิศตนร่วมกันเพื่ออนาคตในการมีสุขภาพที่ดีและครอบคลุมอย่างทั่วถึง