องค์การอนามัยโลกมอบรางวัลแก่ประเทศต่างๆ สำหรับความก้าวหน้าในการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรก

29 January 2024
News release

เป็นครั้งแรกที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มอบประกาศนียบัตรรับรองความก้าวหน้าในการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรมให้แก่ 5 ประเทศ คือ เดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ ซาอุดิอาระเบีย และไทย ซึ่งประเทศเหล่านี้มีนโยบายและวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรม (iTFA) อีกทั้งยังมีระบบการติดตามเฝ้าระวังและการบังคับใช้ที่เหมาะสม นอกจากนั้นองค์การอนามัยโลกยังเปิดเผยผลลัพธ์ในช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินโครงการ REPLACE เพื่อกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรม

ในปี 2561 องค์การอนามัยโลกได้กำหนดเป้าหมายที่ท้าทายในการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรมจากแหล่งอาหารทั่วโลกภายในสิ้นปี 2566 ถึงแม้ว่า ณ ปัจจุบันเป้าหมายนั้นยังไม่บรรลุผล แต่ก็มีความก้าวหน้าที่โดดเด่นในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ในทุกภูมิภาคของโลก เฉพาะในปี 2566 เพียงปีเดียว นโยบายและวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดนั้นเริ่มมีผลบังคับใช้ใน 7 ประเทศ (อียิปต์ เม็กซิโก มอลโดวา ไนจีเรีย มาซิโดเนียเหนือ ฟิลิปปินส์ และยูเครน)

กรดไขมันทรานส์ (TFA) เป็นไขมันกึ่งแข็งถึงแข็งซึ่งเกิดขึ้นในสองรูปแบบ คือ การผลิตจากอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นตามธรรมชาติ การบริโภคไขมันทรานส์มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะหัวใจวายและการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ ไขมันทรานส์ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และอาหารที่มีปริมาณ iTFA สูง (เช่น อาหารทอด เค้ก และอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน) มักจะเป็นอาหารที่มีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูงด้วย

ในปัจจุบัน พบว่ามีทั้งสิ้น 53 ประเทศที่มีนโยบายและวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการ iTFA ในอาหาร ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อมทางอาหารที่ดีและครอบคลุมประชากรถึงกว่า 3.7 พันล้านคน หรือ คิดเป็นร้อยละ 46 ของประชากรโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับความครอบคลุมที่มีเพียงร้อยและ 6 จากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทั้งนี้นโยบายเหล่านี้คาดว่าจะช่วยรักษาชีวิตประชากรได้กว่า 183,000 คนต่อปี

“เราทราบดีว่าไขมันทรานส์ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมาก” นายแพทย์เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกกล่าว “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลายประเทศออกนโยบายห้ามหรือจำกัดไขมันทรานส์ในอาหาร การมีนโยบายนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การดำเนินการและบังคับใช้ก็สำคัญไม่แพ้กัน  ผมขอแสดงความยินดีกับประเทศเดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ ซาอุดิอาระเบีย และไทย ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในการติดตามและบังคับใช้นโยบายกำจัดไขมันทรานส์ เราขอเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ปฏิบัติเช่นเดียวกัน”

องค์การอนามัยโลกได้ดำเนินโครงการให้การรับรองการดำเนินการในการกำจัด iTFA เพื่อเป็นการยกย่องประเทศที่ดำเนินการอย่างครอบคลุมทั้งการมีนโยบายและวิธีปฎิบัติที่ดีที่สุด มีระบบการติดตาม เฝ้าระวัง และการบังคับกฎหมายที่เข้มงวด เนื่องจากการติดตามและบังคับใช้นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของนโยบายกำจัดไขมันทรานส์ได้มากที่สุด  

วิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดของนโยบายการกำจัด iTFA เป็นไปตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก และต้องมีการจำกัดการใช้ iTFA ในทุกๆ แหล่ง ทั้งนี้ วิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดมีสองทางเลือก ได้แก่ 1) การบังคับใช้นโยบายระดับประเทศโดยกำหนดเพดานปริมาณ iTFA ให้ไม่เกิน 2 กรัมต่อไขมันทั้งหมด 100 กรัมในอาหารทุกประเภท และ 2) การบังคับใช้นโยบายระดับประเทศโดยห้ามผลิตหรือใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (แหล่งสำคัญของไขมันทรานส์) เป็นส่วนผสมในอาหารทุกประเภท ทั้งนี้ เนื่องจากแต่ละประเทศมีแหล่งที่มาของไขมันทรานส์ที่ต่างกัน ดังนั้นบางประเทศอาจมีความเหมาะสมที่จะใช้ทั้งสองแนวทาง

“การกำจัดไขมันทรานส์นั้นมีความเป็นไปได้ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง และทางเทคโนโลยี ซึ่งช่วยรักษาชีวิตของประชากรได้โดยไม่ได้สร้างภาระต่อรัฐบาลหรือผู้บริโภค ไขมันทรานส์นี้ไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็น และไม่มีใครสูญเสียอะไรไปเมื่อกำจัดมันไปแล้ว” นายแพทย์ ทอม ฟรีเดน ประธานและซีอีโอของ Resolve to Save Lives กล่าว "เรากำลังชนะการต่อสู้กับไขมันทรานส์ แต่ประเทศที่ยังไม่มีกฎระเบียบมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นประเทศที่ต้องรองรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไขมันทรานส์ ดังนั้นรัฐบาลและอุตสาหกรรมอาหารมีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้น"

นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังสนับสนุนให้ผู้ผลิตอาหาร (เช่น ผู้ผลิตวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน) ยกเลิกการใช้ iTFA ในผลิตภัณฑ์อาหารของตน ในปัจจุบันพบว่าอุตสาหกรรมอาหารมีความก้าวหน้าในการดำเนินงานดังกล่าว ดังที่นำเสนอในรายงานขององค์การอนามัยโลกที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566

แม้ว่าในปัจจุบัน เรามีความสำเร็จในการกำจัดไขมันทรานส์ออกจากอาหารในระดับโลก แต่ประชากรโลกมากกว่าครึ่งยังคงไม่ได้รับการปกป้องจากผลกระทบที่เป็นอันตรายของมัน จึงทำให้พวกเขามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

ประเทศต่างๆ ควรพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อกำจัด iTFA ให้หมดไป ทั้งนี้ หากพิจารณาจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีข้อเรียกร้องให้กำจัด iTFA ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกขอเสนอเป้าหมายใหม่สำหรับการกำจัด iTFA ทั่วโลกภายในปี 2568 ซึ่ง เป้าหมายที่มีการปรับนั้นประกอบด้วย

  • นโยบายและวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดในการกำจัด iTFA นั้นมีการบังคับใช้ในระดับประเทศอย่างน้อย ร้อยละ 90 ของความสูญเสียที่เกิดจาก iTFA ในระดับโลก
  • นโยบายแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการกำจัด iTFA นั้นมีการบังคับใช้ในระดับประเทศอย่างน้อย ร้อยละ 70 ของความสูญเสียที่เกิดจาก iTFA ในระดับภูมิภาค

การกำจัด iTFA เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และความสูญเสียทั้งเชิงสุขภาพและเศรษฐกิจจากค่ารักษาพยาบาลและการสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน องค์การอนามัยโลกยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประเทศต่างๆ ในความพยายาม และแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของประเทศเหล่านั้น

โครงการรับรองการดำเนินการระดับประเทศในการกำจัด iTFA รอบต่อไป จะเปิดรับในเดือนมีนาคม 2024 และจะเปิดรับสมัครอย่างต่อเนื่องในปีถัดไป